Chiikaa

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มลพิษทางสื่อ

มลพิษทางสื่อ
                ในปัจจุบันสื่อเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อ โทรทัศน์ วิทยุ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ นิตยาสาร และหนังสืออื่นบนแผง รวมถึงบิลบอร์ด และอินเทอร์เน็ตสื่อใหม่ที่กำลังมาแรง สื่อเหล่านี้ กำลังส่งผลต่อพฤติกรรม ค่านิยมในสังคมไทย ที่เริ่มเปลี่ยนแปลง เพราะการรับสื่อ
                สื่อที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้รับสารได้มากที่สุดคือ โทรทัศน์ เพราะละครไทยจะมีโครงสร้างที่เหมือนกันกันเกือบทกๆเรื่อง ที่พระเอกรวย นางเอกจนมีชีวิตรันทด มีนางร้ายคอยใส่ร้ายนางเอก แม่ของพระเอกเกลียดนางเอกจนเข้าไส้ บางเรื่องก็ทำร้ายกันโดยใช้มีดกรีดหน้ากัน หรือละครบางเรื่องพระเอกจับนางเอกโยนลงน้ำ จับหมัดข่มขืน คนก็ชอบดูกันเป็นซะส่วนใหญ่ เพราะทำให้ตัวเองได้หลุดออกจากภาวะความเครียดในช่วงขณะหนึ่ง
                ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือเกิดกับตัวเด็กเนื่องจากการดูโทรทัศน์ภายในครอบครัวถือว่าเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกัน พ่อแม่ชอบดูละครหลังข่าว ลูกมักจะนั่งดู ซึ่งเคยมีรายงานการสำรวจของโครงการเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะทางสังคมพบว่า ส่วนมากเด็กจะเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ ถ้าเป็นในวันจันทร์ถึงศุกร์ เด็กมักจะดูช่วง 4 ด้วย โมงเย็น ถึง  2 ทุ่ม มากที่สุด จนบางครั้งอาจจะทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมการเรียนแบบ ยิ่งในยุคนี้สื่อทางอินเทอร์เริ่มเข้ามาแรงกว่าสื่อโทรทัศน์ ยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากเด็กวัยรุ่นมีการใช้สื่อทางอินเทอร์เน็ตเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น  facebook, twitter, hi5,ฯลฯ เด็กสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่ต้องมีผู้ปกครองคอยควบคุม
                ซึ่งในปัจจุบันการเข้าเว็บไซด์ แต่ละเว็บไซด์มักมีภาพโป้เปลือยแทรกตามแท็ปโฆษณาแฝงในหน้าเว็บนั้นๆ ทำให้เด็กเกิดการอยากรู้อยากเห็น กลายเป็นว่าลองคลิกเข้าไปดู ทำให้เกิดการซึมซับเกิดการอยากรู้และอยากทำตาม หรือลองดู ยิ่งได้เล่น facebook ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมใน Social Network  ได้คุยกับคนที่ไม่รู้จักหน้าตา บางคนคบกันเพียงแค่คุยกันใน facebook  เพราะถูกใจกันระหว่างที่ไดคุยกัน บางคนถูกหลอกไปข่มขืนก็มีออกข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อย บางคนอยากโชว์ของสงวน ก็โพสรูปขึ้นโชว์ จนกลายเป็นค่านิยมโดยไม่รู้ตัว
อาจารย์เอกพล เธียรถาวร อาจารย์ประจำภาควิชาวารสารศาสตร์ กล่าวว่า สื่อในปัจจุบันถ้าเทียบกับสมัยก่อนอาจจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะสื่อของไทยที่เป็นเอกชนส่วนใหญ่ก็เป็นสื่อที่หวังผลกำไร ก็ไม่หน้าแปลกใจนัก แต่ที่คิดว่าน่าจะดีคือ สื่อมีการพัฒนาและทำให้เกิดไทยพีบีเอสที่เป็นสื่อสาธารณะเกิดขึ้นมา ซึ่งเป็นสื่อที่ไม่หวังผลกำไร
ส่วนเรื่องละครไทยอันนี้อาจจะเยอะเกินไปจริงๆ แต่ว่าก็ต้องดูทั้งสองอย่างว่า ถ้าเกิดสังคมยังยอมรับอยู่ และยังทำอยู่ทางผู้จัดผู้สร้างต้องช่วยกัน แต่ว่าถ้าคนดูเห็นว่าเกินไปก็ต้องมีการแจ้งกับทางผู้จัดผู้สร้าง แล้วผู้จัดผู้สร้างก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์แก่ประชาชน
สำหรับสื่อทางทางอินเทอร์เน็ต ความรู้เท่าทันสื่อของเด็อาจจะยังไม่เพียงพอ  ตัวเด็กอาจจะนึกว่าเรื่องใน facebook เป็นเรื่องของเขา แต่อะไรที่อยู่ใน Social Network มันก็เป็นสื่อสาธารณะเสมอ สำหรับสิ่งที่จะช่วยได้ในปัจจุขันก็น่าจะต้องมีความรู้เท่าทันสื่อ คงไม่ถึงขั้นไปบังคับ เราไม่สามารถเข้ามาควบคุมสื่อได้ ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล ขยายแพร่มุมกว้างไปเรื่อยๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปควบคุมทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องแก่ที่ตัวผู้รับสารดีกว่า เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจ ให้สามารถรู้เท่าทันสื่อได้
ด้านนางสาวสุธินี วิสูตร นักศึกษาชั้นปีที่ 3  คณะวิทยาการจัดการ สาขานิทศศาสตร์ เอกการแสดง กล่าวว่าในปัจจุบันสื่อมีทั้งในแง่ดี และแง่ลบ คือทำให้รู้เรื่องราวจากภาพเหตุการณ์ว่าสื่อถึงอะไรที่เกิดขึ้น ในเรื่องราวต่างๆ สื่อในด้านดีคือ สื่อทางด้านอานาจารที่สื่อถึงเด็กที่ไม่เหมาะสมที่ควรจะเรียนรู้ ภาพสื่อในละครที่มีการตบตี มีฉากเลิฟซีน คิดว่าไม่เหมาะสม เพราะละครเป็นส่าวหนึ่งที่ทำให้เด็กดู แล้วเด็กก็เรียนแบบ บางทีการทะเลาะกันก็ไม่จำเป็นต้องดัดแปลงเป็นการตบตี อาจจะใช้วาจา และสีหน้าแทนมากกว่า
และสำหรับ Social Network อย่าง facebook ที่สมัยนี้มีการโชว์ของสงวน ก็ไม่ควรที่จะนำลงเพราะเดี๋ยวนี้ เด็กสามารถเข้าถึง Social Network ได้รวดเร็วขึ้นและเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ก็อยากให้มีการควบคุมสื่อบ้าง เพราะเด็กนำไปทำตามกันเยอะ และดูไม่เหมาะสม อยากให้มีความระมัดระวัง และสอนเด็ก เพราะมันมีทั้งข้อดี และข้อเสียในการใช้ Socia network ให้ได้รู้จักว่าการทำงานควรทำอย่างไร ใช้อย่างไร จึงจะเหมาะสม
ในด้านของผู้ปกครอง นางฐิติยา แสวงหา ได้กล่าวว่า จากการที่ได้ดูโทรทัศน์ในยคนี้ พวกละครหลังข่าวมักจะมีฉากกอดจูบกันให้เห็นมากขึ้น หรือไม่ก็ฉากที่มีการตบตีที่ดูจริงจัง ถึงขั้นฆ่ากันตายก็มี บางทีเด็กที่นั่งดูอยู่ด้วยก็จดจำภาพเหล่านั้นและอาจจำไปทำตามไม่ว่าจะเปิดไปช่องไหน ก็จะมีลักษณธคล้ายกันเกือบทุกๆเรื่อง ส่วนพวกสื่ออินเทอร์เน็ตก็คิดว่ามีผลกระทบต่อเด็กมาก เพราะเดี๋ยวนี้เด็กมีการใช้อินเทอร์เน็ตกันทุกวัน บางทีผู้ปกครองก็ไม่สามารถเข้าไปสอดส่องดูแลได้ตลอดเวลา สำหรับแนวทางการแก้ไขสื่อต่างๆ ควรจะมีการกลั่นกรองเนื้อหาต่างๆ ก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะนำมาเผยแพร่ผ่านในสื่อต่างๆ
                                                                                                                                                                              เขียนโดย
POOCHIIKAA





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อนๆทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้นะจ๊ะ